KKP Research วิเคราะห์ GDP ไทย ปี 2567 โต +3.7% แม้มี นโยบายแจกเงิน

KKP Research วิเคราะห์ GDP ไทย ปี 2567 โต +3.7% แม้มี นโยบายแจกเงิน

5 ธ.ค. 2023
KKP Research วิเคราะห์ GDP ไทย ปี 2567 โต +3.7% แม้มี นโยบายแจกเงิน | MONEY LAB
ล่าสุดทาง KKP Research ได้ออกบทความวิเคราะห์เศรษฐกิจของประเทศไทยในปีหน้า หรือก็คือ ปี 2567
พร้อมทั้งยังได้คาดการณ์ตัวเลขการเติบโตของ GDP ประเทศไทยเอาไว้ด้วย
หากสงสัยว่า ทาง KKP Research มองเรื่องนี้อย่างไร
ทาง MONEY LAB จะมาสรุป พร้อมทั้งเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ แบบง่าย ๆ เอง
ทาง KKP Research ได้วิเคราะห์ว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังคงอ่อนแอ และการฟื้นตัวก็ยังไม่ดีนัก
โดยมีอยู่ 3 ปัจจัยหลัก ที่จะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทย ในปีหน้า คือ
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านนโยบาย Digital Wallet
หากนโยบายนี้ถูกนำมาใช้ จะสามารถใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการบริโภคภาคเอกชน ได้แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น คือระหว่างช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปี 2567
ซึ่งนโยบายนี้ มีการวิเคราะห์ว่า จะสร้างตัวคูณทางการคลังได้แค่ 0.3 เท่า และส่งผลเป็นบวกต่อ GDP ในปี 2567 แค่ 0.8% เท่านั้น
ตัวคูณทางการคลัง หรือ Fiscal Multiplier คือ สัดส่วนที่จะช่วยบอกเราว่า เมื่อภาครัฐทำนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ GDP เป็นเท่าไร
อย่างไรก็ตาม ตัวนโยบาย Digital Wallet เอง ก็มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้ถูกนำมาใช้สูง
สาเหตุมาจาก มาตรา 53 ของ พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ที่ได้ระบุเอาไว้ว่า
การกู้เงินนอกเหนือกรอบกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ จะทำได้โดยการ ต้องออกกฎหมายที่ตราขึ้นเป็นการเฉพาะ ในกรณีที่ต้อง
มีความจำเป็นต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน
โดยผู้ที่จะมาพิจารณาเงื่อนไขเหล่านี้ ประกอบไปด้วย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา
สำหรับประเด็นนี้เอง ก็อาจจะมีการส่งเรื่องให้ทางศาลรัฐธรรมนูญ มาช่วยพิจารณาได้ด้วย
ส่งผลให้ความเสี่ยงที่นโยบายนี้จะไม่ผ่าน มีอยู่สูงมาก
การท่องเที่ยวฟื้นตัว แต่ยังช้าอยู่
มีการปรับการคาดการณ์ใหม่ว่า ในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย ประมาณ 35 ล้านคน
จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 38 ล้านคน
สาเหตุหลักมาจาก จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวกลับมาได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
เพราะทางประเทศจีนเอง ก็กำลังเจอกับปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ที่ยังคงยืดเยื้ออยู่
โดยปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทย แค่ประมาณ 300,000 คนต่อเดือน เท่านั้น
เมื่อเทียบกับจำนวน 900,000 คนต่อเดือน ในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอื่น ก็ได้เริ่มฟื้นตัวกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประเทศไทยได้พึ่งพาการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวจีน เป็นสัดส่วนที่มากเกินไป
เมื่อทางจีนเกิดปัญหา ไทยก็เลยได้รับผลกระทบตามไปด้วย
โดยที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ที่เพิ่มขึ้น ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน ที่หายไปได้
นอกจากนี้เอง การท่องเที่ยวของไทย ก็กำลังเจอกับปัญหาด้านความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยสาเหตุมาจากเหตุการณ์กราดยิงที่ห้างดัง ที่เกิดขึ้นในปีนี้
ทำให้ทาง KKP Research วิเคราะห์ว่า การท่องเที่ยวของไทย ยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาด ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 40 ล้านคน ได้เร็วนัก
การส่งออกเริ่มฟื้นตัว ตามการส่งออกของโลก
เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ โดยมีการวิเคราะห์ว่า ในปีหน้า เศรษฐกิจโลกน่าจะยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย
เพราะเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้
ซึ่งจะส่งผลให้ การส่งออกของไทยไปยังประเทศคู่ค้าต่าง ๆ มีโอกาสขยายตัว ได้ดีขึ้นเล็กน้อย
แต่ในขณะเดียวกัน ไทยก็ยังมีความเสี่ยงในการส่งออกอยู่บ้าง จาก 2 ปัจจัยหลัก
ปัญหาของเศรษฐกิจจีนในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังยืดเยื้อไม่จบไม่สิ้น ซึ่งทำให้เศรษฐกิจจีน มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องปัญหาด้านความสามารถในการแข่งขันของไทยเอง จากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
หากการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย ฟื้นตัวได้ดีขึ้นตามการวิเคราะห์ข้างต้น จะส่งผลดีต่อดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ในปี 2567 ให้กลับมาเกินดุลได้มากขึ้น
ดุลบัญชีเดินสะพัด หรือ Current Account Balance ก็คือ ดุลบัญชีที่แสดงการไหลเข้าออกของเงิน ในประเทศนั้น ๆ
หากดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก หมายความว่า มีเงินไหลเข้ามาในประเทศมากกว่า เงินที่ไหลออกไปนั่นเอง
กล่าวโดยสรุป จาก 3 ปัจจัยหลักข้างต้นนี้เอง ทำให้ทาง KKP Research ประเมินว่า GDP ของประเทศไทย ในปี 2567 จะมีการเติบโต +3.7%
แต่ถ้าโครงการ Digital Wallet ไม่เกิดขึ้น ก็จะทำให้ GDP ของไทยในปีหน้า เติบโต +2.9%
KKP Research ยังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยไม่ได้เกิดจากปัจจัยชั่วคราว และไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
นโยบายของภาครัฐจึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาว เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน..
References
-https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parbudget/ewt_dl_link.php?nid=1071
-KKP Research เศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณโตช้า หากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง
-https://www.longtunman.com/38348
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.