โมเดลธุรกิจ 7-Eleven รายได้ 100 บาท มีกำไรแค่ 3 บาท | MONEY LAB เล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน
รู้หรือไม่ว่า ทุก ๆ 100 บาท ที่ 7-Eleven ขายของได้ จะมีเงินเข้ากระเป๋าของตัวเอง เพียงแค่ประมาณ 3 บาท เท่านั้นเอง

ถ้าพูดแบบนี้ หลายคนอาจเข้าใจว่า 7-Eleven กำไรน้อย
แต่จริง ๆ แล้ว มันไม่ได้เป็นแบบนั้น

แล้วเพราะอะไร ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอนให้เข้าใจ

ต้องเข้าใจก่อนว่า ธุรกิจของ 7-Eleven คือการซื้อมา แล้วขายออกไป
เพราะฉะนั้น กำไรที่ 7-Eleven ได้ ก็คือส่วนต่างของ ราคาสินค้าที่ซื้อมา กับ ราคาสินค้าที่ขายออกไป

โดยธรรมชาติของธุรกิจลักษณะนี้ จะเน้นเอากำไรต่อชิ้นไม่เยอะ แต่เน้นขายให้ได้จำนวนเยอะ ๆ แทน

เช่น รับขนมมาต้นทุนห่อละ 4 บาท เอามาขายต่อห่อละ 5 บาท

ถึงแม้กำไรของขนมห่อหนึ่งจะแค่ 1 บาท แต่ถ้าขายได้ 1,000,000 ห่อ ก็จะได้กำไรถึงล้านบาท

ซึ่งนี่คือโมเดลการขายคร่าว ๆ ของ 7-Eleven นั่นเอง

แต่ในความเป็นจริง 7-Eleven ก็ยังมีต้นทุนอื่นอีก นอกจากต้นทุนค่าสินค้าที่ซื้อมา
เช่น ค่าเช่าพื้นที่, ค่าจ้างพนักงาน, ค่าจัดการสต็อกสินค้า

ทำให้หักลบรายได้กับค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ก็จะเหลือเป็นอัตรากำไรสุทธิ ที่น้อยมาก น้อยจนเหลือแค่ 3%

ลองมาดูตัวเลขจริง ๆ กัน..

7-Eleven มีสาขามากถึง 13,838 สาขา และยังจ้างพนักงาน มาประจำในแต่ละสาขา มากถึง 57,929 คน

โดยในปี 2565 7-Eleven มีอัตรากำไรสุทธิประมาณ 3%
เห็นแบบนี้หลายคนอาจจะคิดว่า 7-Eleven กำไรไม่ดี

แต่จริง ๆ แล้ว 7-Eleven มีรายได้รวมถึง 376,852 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 11,400 ล้านบาท

หมายความว่า ถึงจะมีอัตรากำไรสุทธิแค่ 3%
แต่ 3% ที่ว่านี้ ก็เป็นเงินมากถึง 11,400 ล้านบาท

จากตรงนี้เอง แสดงให้เห็นว่า พลังของการขายสินค้าให้ได้จำนวนชิ้นเยอะ ๆ นั้น สำคัญต่อธุรกิจค้าขาย มากขนาดไหน (ภาษาการเงินเรียกว่า Turnover สูง)

เพราะในบางครั้ง แทนที่เราจะตั้งราคาสินค้าให้สูง เพื่อโขกกำไรให้มาก ๆ ในการขายเพียงไม่กี่ครั้ง

เราก็อาจจะขายสินค้า ในราคาไม่แพงมาก เพื่อเอากำไรนิดหน่อย แต่ขายให้ได้มาก ๆ แทน..

Reference
-รายงานประจำปี 2565 บริษัท ซีพี ออลล จำกัด (มหาชน)