สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ได้เปิดเผยอัตราการเติบโตของ GDP ไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 อยู่ที่ +1.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน

จากเดิมที่ในตอนแรก คาดการณ์ไว้ที่ +3% 

โดยปัจจัยหลัก สำหรับการเติบโตในไตรมาสนี้ หลัก ๆ แล้วมาจาก การบริโภคภาคเอกชน ที่ขยายตัวมากถึง +7.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน

พูดให้เข้าใจอย่างง่ายก็คือ ไตรมาสที่ 2 ผู้คนมีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่ยังเติบโตได้ดีอยู่มาก  จนส่งผลให้ธุรกิจโรงแรม และร้านอาหารต่าง ๆ เติบโตมากถึง +15% เมื่อเทียบกับปีก่อน 

แต่สิ่งที่ฉุดดึงเศรษฐกิจไทย ให้เติบโตได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ กลับเป็นภาคอุตสาหกรรม ที่ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยหดตัวลง -2.1% หากเทียบกับปีก่อน 

โดยเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจ ของประเทศคู่ค้าไทย ที่ยังไม่ค่อยดีนัก จนส่งผลต่อเนื่องมายัง ภาคอุตสาหกรรมของไทย ที่พึ่งพาการส่งออก เป็นสัดส่วนที่สำคัญ

ทำให้ ดุลการค้าของไทย ในไตรมาสนี้ พลิกกลับมาขาดดุล จากการส่งออกยางพาราที่ลดลง รวมไปถึงสินค้าส่งออกสำคัญอื่น ๆ เช่น น้ำมันปาล์ม เครื่องปรับอากาศ ผลิตภัณฑ์โลหะ เคมีภัณฑ์และปิโตรเคมี รวมถึงผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม

นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่างฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ก็มีแนวโน้มจะหดตัวลง จากการพัฒนาเทคโนโลยี ฮารด์ดิสก์ไดรฟก์แบบใหม่ ที่ไทยยังผลิตไม่ได้

ก็เป็นที่น่าติดตามกันต่อไปว่า สถานการณ์ GDP ในไตรมาสที่ 3 จะเป็นอย่างไร..

Reference 

-https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=5176&filename=QGDP_report