Silicon Valley ถูกจดจำในฐานะศูนย์กลางเทคโนโลยี ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
โดยเป็นฐานที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Tesla, SpaceX และ Oracle

แต่ปัจจุบัน หลายบริษัทในเมืองเทคโนโลยีแห่งนี้
บ้างก็กำลังขยายตัว
บ้างก็กำลังหนีออกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย
โดยมีจุดหมายปลายทางร่วมกัน ก็คือ “รัฐเท็กซัส”

แล้วทำไมถึงต้องเป็นรัฐเท็กซัส ?
เรามาดูไปพร้อมกันกับ BillionMoney
โดยเราจำเป็นต้องเริ่มจากปัญหาเชิงโครงสร้างของรัฐแคลิฟอร์เนียกันก่อน

Silicon Valley เริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่ปี 1971 หรือเกินกว่าครึ่งศตวรรษ ในฐานะดินแดนแห่งนวัตกรรม
และเป็นศูนย์รวมของผู้มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีจากทั่วโลก

ด้วยการขยายตัวแบบก้าวกระโดด แต่มีพื้นที่อยู่อย่างจำกัด
ราคาอสังหาริมทรัพย์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย จึงปรับตัวสูงขึ้น

จนแม้แต่พนักงานของบริษัทใน Silicon Valley ที่มีรายได้สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรทั้งประเทศ ก็ยังเจอปัญหาค่าเช่าห้องพักที่สูงเกินไป จนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่พนักงานเหล่านี้ จะซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ที่นี่

อีกทั้ง บริษัทเทคโนโลยีเอง ก็ประสบปัญหาเช่นกัน
เพราะไม่มีพื้นที่เพียงพอต่อการสร้างโรงงาน และขยายสำนักงานใหม่

รวมไปถึงปัญหาด้านภาษี เพราะ Silicon Valley ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
ซึ่งมีการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลที่สูงกว่ารัฐอื่น ๆ

บวกกับปัจจัยที่มากระทบ อย่างโควิด 19 ที่ทำให้พนักงานทุกคนทำงานจากที่บ้าน และผลสำรวจพบว่า การทำงานที่ออฟฟิศหรือที่อื่นนั้น ก็มีประสิทธิภาพไม่ต่างกัน ส่งผลให้พนักงานตระหนักว่า การเข้าออฟฟิศอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป

ด้วยปัญหาเหล่านี้
หลายบริษัทรวมถึงพนักงาน จึงมองหาแหล่งนวัตกรรมแห่งใหม่
โดยบทสรุปก็ตกมาอยู่ที่ “รัฐเท็กซัส” ด้วยจุดแข็งและข้อได้เปรียบในหลาย ๆ ด้าน

อันดับแรก คือ รัฐเท็กซัสไม่จัดเก็บภาษีนิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

อีกทั้งกฎหมายและข้อบังคับเองก็น้อยกว่ารัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งสามารถดึงดูดนักลงทุน และบริษัทให้ย้ายสำนักงานและโรงงาน มาตั้งที่รัฐเท็กซัสได้อย่างยืดหยุ่นกว่า

ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เท็กซัสถือเป็นรัฐที่สามารถผลิตพลังงานได้มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา

แถมยังตั้งอยู่โซนกลางตอนล่าง และมีชายแดนติดกับประเทศเม็กซิโก
ซึ่งมีข้อได้เปรียบตรงที่สามารถกระจายสินค้าไปยังรัฐต่าง ๆ ภายในประเทศ
รวมไปถึงประเทศเม็กซิโก ได้เร็วกว่ารัฐแคลิฟอร์เนีย ที่อยู่ด้านซ้ายสุดของประเทศ

อีกทั้งรัฐเท็กซัสยังมีท่าเรือมากกว่า 16 แห่ง และยังมีประชากรในวัยแรงงานมากถึง 14 ล้านคน
ซึ่งพร้อมต่อการขยับขยายโรงงาน และห่วงโซ่การผลิต

ด้านอสังหาริมทรัพย์นั้น ราคาค่าเช่าห้องพักและราคาบ้านในรัฐเท็กซัส ก็ถูกกว่ารัฐแคลิฟอร์เนียเป็นเท่าตัว

หากเรานำค่าเช่าห้องพักและราคาบ้านมาเทียบกัน

-ค่าเช่าห้องพักเฉลี่ยของรัฐแคลิฟอร์เนีย 67,600 บาทต่อเดือน
-ค่าเช่าห้องพักเฉลี่ยของรัฐเท็กซัส 37,500 บาทต่อเดือน

-ราคาบ้านเฉลี่ยของรัฐแคลิฟอร์เนีย 29,000,000 บาท
-ราคาบ้านเฉลี่ยของรัฐเท็กซัส 11,300,000 บาท

ปัจจัยสุดท้ายคือ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของรัฐเท็กซัส ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และมีสภาพอากาศที่อบอุ่นตลอดปี

รวมไปถึงอุทยานและสวนสาธารณะที่มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนอเมริกัน ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบ Outdoor

สรุป รัฐเท็กซัส เป็นอีกหนึ่งรัฐ ที่มีปัจจัยที่เอื้อต่อการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นการไม่จัดเก็บภาษีนิติบุคคล เส้นทางการขนส่งทางบกและทางเรือที่ใกล้กว่า ไปจนถึงราคาอสังหาริมทรัพย์ และค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่ารัฐอื่น

ทั้งหมดนี้ก็ได้เป็นเหตุผลให้รัฐเท็กซัส กลายเป็นจุดหมายปลายทาง ของเหล่าคนที่เหน็ดเหนื่อยกับชีวิตที่เร่งรีบ และต้องการบ้านที่ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งดินแดนแห่งนี้ก็น่าจะกลายมาเป็น Silicon Valley แห่งต่อไปในสหรัฐอเมริกา..

References
-https://www.fool.com/the-ascent/research/average-house-price-state/
-https://do512.com/p/big-companies-moving-to-austin
-https://www.youtube.com/watch?v=T4n2q3DKKPw
-https://www.youtube.com/watch?v=dpHRFr3rk6E
-https://www.hi-reit.com/moving-to-texas/
-https://taxfoundation.org/state-corporate-income-tax-rates-brackets-2022/
-https://www.invenglobal.com/articles/17032/why-tech-and-gaming-companies-are-migrating-to-austin-texas
-https://techcrunch.com/2022/04/06/how-austin-texas-has-evolved-into-a-city-of-unicorns-and-tech-giants/
-https://www.cmswire.com/customer-experience/is-austin-emerging-as-the-new-american-technology-hub/
-https://www.investopedia.com/why-silicon-valley-companies-are-moving-to-texas-5092782
-https://worldpopulationreview.com/state-rankings/median-household-income-by-state