
ปีที่แล้ว จีนติดตั้งหุ่นยนต์ในโรงงาน เท่าทั้งโลกรวมกัน
20 ก.ย. 2022
ในปัจจุบัน หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับสภาวะแรงงานลดลง
ที่มีต้นเหตุมาจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุ หรือก็คือภาวะที่เด็กเกิดน้อยลง
ที่มีต้นเหตุมาจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุ หรือก็คือภาวะที่เด็กเกิดน้อยลง
ทั้งนี้ ประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาดังกล่าวคงหนีไม่พ้น ประเทศจีน
โดย United Nations คาดว่า ประชากรจีนจะลดลงจาก 1,426 ล้านคน ในปัจจุบัน
ไปอยู่ที่ 1,416 ล้านคน ภายในปี 2030
ซึ่งก็จะทำให้จีนสูญเสียแชมป์ประเทศที่มีประชากรสูงสุดให้แก่อินเดีย
โดย United Nations คาดว่า ประชากรจีนจะลดลงจาก 1,426 ล้านคน ในปัจจุบัน
ไปอยู่ที่ 1,416 ล้านคน ภายในปี 2030
ซึ่งก็จะทำให้จีนสูญเสียแชมป์ประเทศที่มีประชากรสูงสุดให้แก่อินเดีย
จึงไม่น่าแปลกใจนัก หากเราจะเห็นหลายบริษัทจีนเริ่มนำหุ่นยนต์มาใช้ในกิจการ
เพื่อชดเชยกับแรงงานที่มีแนวโน้มจะลดลงต่อเนื่องนี้
เพื่อชดเชยกับแรงงานที่มีแนวโน้มจะลดลงต่อเนื่องนี้
โดยข้อมูลจาก International Federation of Robotics ระบุว่า
เมื่อปีที่ผ่านมา มีโรงงานจีน ที่เริ่มนำหุ่นยนต์มาใช้ในกิจการ เพิ่มขึ้น 243,253 แห่ง
ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากถึง 45% จากปีก่อน
เมื่อปีที่ผ่านมา มีโรงงานจีน ที่เริ่มนำหุ่นยนต์มาใช้ในกิจการ เพิ่มขึ้น 243,253 แห่ง
ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากถึง 45% จากปีก่อน
และยังเป็นจำนวนการเพิ่มที่สูงเกือบเท่าโรงงานทั่วโลก
ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมา ได้นำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในโรงงานเพิ่มอีก 243,547 แห่ง
ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมา ได้นำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในโรงงานเพิ่มอีก 243,547 แห่ง
อย่างไรก็ดี การที่จีนสามารถนำหุ่นยนต์มาใช้ในโรงงานได้อย่างรวดเร็วนี้อาจจะไม่น่าแปลกใจนัก
เพราะจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่โดดเด่นด้านการศึกษาสาขา STEM มาก
เพราะจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่โดดเด่นด้านการศึกษาสาขา STEM มาก
หมายเหตุ STEM ย่อมาจาก Science, Technology, Engineering, และ Mathematics
ข้อมูลจาก PISA ปี 2018 ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่มีการเก็บข้อมูล
ได้เก็บรวบรวมคะแนนด้านวิทยาศาสตร์ การอ่าน และคณิตศาสตร์ ของเด็กอายุ 15 ปี จาก 79 ประเทศทั่วโลก
โดยพบว่า เด็กจีนสามารถทำคะแนนในวิชาดังกล่าวได้มากที่สุดในโลกที่ 1,736 คะแนน
ได้เก็บรวบรวมคะแนนด้านวิทยาศาสตร์ การอ่าน และคณิตศาสตร์ ของเด็กอายุ 15 ปี จาก 79 ประเทศทั่วโลก
โดยพบว่า เด็กจีนสามารถทำคะแนนในวิชาดังกล่าวได้มากที่สุดในโลกที่ 1,736 คะแนน
นอกจากนี้เอง จากข้อมูลของ World Economic Forum เมื่อปี 2016 พบว่า
จีนมีนักศึกษาที่จบสาย STEM มากถึง 4.7 ล้านคนในปีดังกล่าว
ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าทั้งอินเดียและสหรัฐ ที่มีนักศึกษาจบ STEM 2.6 ล้านคน และ 568,000 คน ตามลำดับ
จีนมีนักศึกษาที่จบสาย STEM มากถึง 4.7 ล้านคนในปีดังกล่าว
ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าทั้งอินเดียและสหรัฐ ที่มีนักศึกษาจบ STEM 2.6 ล้านคน และ 568,000 คน ตามลำดับ
ทั้งนี้ จีนกำลังปฏิรูปแรงงานในภาคอุตสาหกรรมของตัวเอง เพื่อรองรับกับการขาดแคลนแรงงาน
และในอนาคตเอง ก็น่าจะมีโรงงานจีนที่เปลี่ยนจากแรงงานคนมาเป็นหุ่นยนต์มากยิ่งขึ้น…
และในอนาคตเอง ก็น่าจะมีโรงงานจีนที่เปลี่ยนจากแรงงานคนมาเป็นหุ่นยนต์มากยิ่งขึ้น…
References