ทำไม ดอกเบี้ยรถ แพงกว่า ดอกเบี้ยบ้าน เป็นเท่าตัว | MONEY LAB เล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน
หากเราผ่อนบ้าน 1,000,000 บาท ผ่อนรถยนต์ 1,000,000 บาท เท่ากัน

รู้ไหมว่ามูลค่าดอกเบี้ยที่ผ่อนรถยนต์ จะแพงกว่าดอกเบี้ยที่ผ่อนบ้าน เป็นเท่าตัว

แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอนให้เข้าใจ

รถยนต์ และ บ้าน มีวิธีคิด อัตราดอกเบี้ย แตกต่างกัน

บ้าน จะคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก โดยดอกเบี้ยแต่ละงวด จะคำนวณมาจากเงินต้นที่เหลืออยู่ สรุปสั้น ๆ ได้ว่า ยิ่งเงินต้นน้อยลง ดอกเบี้ยจ่ายก็จะลดลงตามไปด้วย

แต่รถยนต์ จะเป็นการคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ หรือ Fixed Rate คำนวณจากยอดเงินกู้ก้อนแรก ซึ่งดอกเบี้ยก็จะเท่ากัน จ่ายเท่าไรวันแรก วันสุดท้ายก็จะจ่ายเท่าเดิมไปตลอดอายุสัญญา

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้น เช่น

-ยอดสินเชื่อรถยนต์ 1,000,000 บาท

-อัตราดอกเบี้ย 5%

-ผ่อนชำระ 7 ปี

หากคิดดอกเบี้ย แบบ Fixed Rate
เราจะเสียดอกเบี้ยรวม 350,000 บาท

หากนำยอดนี้ไปคิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอกแบบบ้าน เราจะเสียดอกเบี้ย 187,247 บาท ต่ำกว่ากันเป็นเท่าตัว

แล้วทำไม สินเชื่อรถยนต์ ถึงแพงกว่าบ้าน เป็นเท่าตัว ?

เริ่มที่เรื่องของ ระยะเวลา

สำหรับ รถยนต์ ยิ่งเราใช้นานเท่าไร ก็จะยิ่งเสื่อมลงเท่านั้น
ผิดกับบ้าน ที่ยังมีที่ดิน ที่มีคุณสมบัติกักเก็บมูลค่าตามกาลเวลา เอาไว้ได้

ระยะเวลาการผ่อนรถยนต์ ก็จะไม่ยาวนานเท่าไร เช่น 7 ปี ซึ่งดอกเบี้ยก็จะแพงกว่าด้วย เพราะหากเกิดการเบี้ยวหนี้ มูลค่าของรถยนต์จะหายไปเยอะ ธนาคารก็ต้องคิดดอกเบี้ยโดยรวมความเสี่ยงในส่วนนี้ไปด้วย

อีกเรื่องก็คือ ผลตอบแทนที่เจ้าหนี้จะได้รับ จากการปล่อยสินเชื่อ

จากตัวอย่างเดิม ถ้าสินเชื่อรถยนต์มูลค่า 1,000,000 บาท แต่คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เหมือนสินเชื่อบ้าน 5% ต่อปี

ดอกเบี้ยที่ได้ตลอดอายุสัญญา 7 ปี คือ 187,247 บาท หรือ 26,750 บาทต่อปี คิดเป็นผลตอบแทนเพียง 2.7% ต่อปี อาจจะน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อด้วยซ้ำ

ซึ่งเมื่อรวมกับเรื่องความเสี่ยงจากการเบี้ยวหนี้ และการเสื่อมมูลค่าของรถยนต์ รวมถึงต้นทุนอื่น ๆ แล้ว

ในมุมของเจ้าหนี้ หากปล่อยสินเชื่อรถยนต์แบบลดต้นลดดอก ผลตอบแทนที่ได้ก็จะไม่คุ้มค่าสำหรับการลงทุน

สรุปก็คือ การคิดดอกเบี้ยรถยนต์ และบ้าน ไม่เหมือนกัน รถยนต์จะเป็นดอกเบี้ยแบบคงที่ จ่ายเท่าไรเท่านั้น แต่บ้านจะลดต้นลดดอก ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว ดอกเบี้ยรถยนต์จะมีอัตราที่สูงกว่า

ดังนั้น หากเรามีเงินก้อน หรือได้โบนัสประจำปี แล้วเรามีภาระทั้ง ผ่อนรถยนต์ และบ้าน เราก็ควรคำนวณดี ๆ ว่าการจ่ายคืนหนี้แบบไหนจะประหยัดกว่า

ซึ่งถ้าเป็นการปิดหนี้รถ กฎหมายระบุว่าจะได้ลดค่าดอกเบี้ย

-60% หากชำระค่างวดไม่เกิน 1 ใน 3

-70% หากชำระค่างวดเกิน 1 ใน 3 แต่ไม่เกิน 2 ใน 3

-100% หากชำระค่างวดเกิน 2 ใน 3

โดยส่วนใหญ่แล้ว การเอาเงินส่วนหนึ่งไปโปะบ้านจะดีกว่า เพราะนอกจากจะช่วยให้เงินต้น และดอกเบี้ยจ่ายลดลงแล้ว ก็ยังช่วยให้ระยะเวลาผ่อนบ้านสั้นลงด้วย

ในขณะที่ดอกเบี้ยรถยนต์จะคำนวณจากเงินต้นทั้งก้อน ถึงแม้เราจะโปะบางส่วนก็ไม่ได้ทำให้ดอกเบี้ยลดลง แต่หากเป็นการปิดบัญชีผ่อนรถก็อาจจะดีกว่าบางกรณี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราผ่อนไปเท่าไรแล้ว นั่นเอง..